ประโยชน์ของบีทรูท ความนิยมของบีทรูทได้ค่อยๆ ลดลงในฐานะหนึ่งในสุดยอดอาหาร บีทรูทมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายและสารอาหารที่จำเป็นที่ช่วยให้เรามีชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น บีทรูทอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ทำงานเหมือนเครื่องรางเพื่อเพิ่มธาตุเหล็ก ช่วยในเรื่องความจำ และแม้กระทั่งช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต ตามหนังสือ ‘Healing Foods’ โดย DK Publishing
“พวกมันอาจดูแข็งแกร่ง แต่หัวบีทเป็นผักที่ละเอียดอ่อนที่มีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่าเบตาไซยานิน เม็ดสีเหล่านี้ให้สีที่เข้มของหัวบีทและเป็นที่มาของ สรรพคุณทางยา ซึ่งรวมถึงการบำรุงตับ ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และทำให้เลือดบริสุทธิ์”
ข้อมูลโภชนาการทุเรียน และประโยชน์ต่อสุขภาพ
ประโยชน์ของบีทรูท
ช่วยในการล้างพิษ : บีทรูทถือเป็นเครื่องกรองที่ยอดเยี่ยม มันล้างพิษร่างกายของคุณโดยการดึงสารพิษเข้าสู่ลำไส้ใหญ่จากที่ที่พวกมันสามารถย่อยได้ การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าน้ำบีทรูทอาจกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและสร้างความแข็งแกร่ง
มีไขมันและแคลอรีต่ำ : แม้ว่าจะมีปริมาณน้ำตาลสูง แต่ก็มีแคลอรีต่ำและแทบไม่มีไขมันเลย เนื่องจากเต็มไปด้วยไฟเบอร์จึงทำให้คุณอิ่มด้วยแคลอรีที่ต่ำลง ทำให้เป็นตัวเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
สุขภาพหัวใจ : การศึกษาต่างๆ ทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าไนเตรตในปริมาณสูงในบีทรูท ทำให้เกิดก๊าซที่เรียกว่าไนตริกออกไซด์ ก๊าซนี้ช่วยผ่อนคลายและขยายหลอดเลือดซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดความดันโลหิต
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ : เบทานินซึ่งเป็นเม็ดสีที่ให้สีบีทรูท เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ นอกจากสารต้านอนุมูลอิสระอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่าโพลีฟีนอลแล้ว สิ่งเหล่านี้ยังได้รับความสนใจมากขึ้นในชุมชนวิทยาศาสตร์ ตาม American Journal of Clinical Nutrition สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ปกป้องผนังหลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
ดูแลผม : บีทรูทเป็นวิธีการรักษาพื้นบ้านที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการต่อสู้กับสะเก็ดและหนังศีรษะที่คัน คุณสามารถต้มหัวบีทในน้ำและใช้ของเหลวเข้มข้นนวดหนังศีรษะ หรือคุณสามารถผสมน้ำบีทรูท น้ำส้มสายชู และน้ำขิงแล้วทาบนหนังศีรษะ เก็บไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก
สนับสนุนโดย : แทงบอลออนไลน์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *